วิจารณ์ลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ ใครเล่นดีสุด ที่นำพาทีมไปสู่แชมป์พรีเมียร์ลีค

วิจารณ์ลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ ใครเล่นดีสุด แชมป์พรีเมียร์ลีคที่สำคัญของทีมลิเวอร์พูล

วิจารณ์ลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ ใครเล่นดีสุด การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคเของประเทศอังกฤษ (Barclays Premier League) ของทีมลิเวอร์พูล ( liverpool ) นั้นถือว่าเป็นก้วที่สำคัญเป็นอย่างมากของทีม แชมป์นี้สามารถทำให้ทีมลิเวอร์พูล นั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปาก ว่าตนคือทีมแชมป์ที่มีคุณภาพ มากที่สุดของเกาะอังกฤษ

หลังจากที่ทีมลิเวอร์พูลนั้น ถือเป็นทีมที่สมบูรณ์มากๆมาแล้ว หลายต่อหลายปี แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่สามารถที่จะคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีคมาครองได้สักที ด้วยเพราะเหตุผลต่างๆนาๆที่เกิดขึ้น กับลิเวอร์พูลที่ทำให้เดอะค็อบ (The Kop) ชื่อเรียกของแฟนบอลทีมลิเวอร์พูลนั้น ผิดหวังกันมาหลายครั้งแล้วในปีก่อน

ไม่ว่าจะเป็นการลื่นของ สตวีจี หรือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) เหตุการที่ทำให้แฟนเดอะค็อบ ทั้งโลกต้องถึงกับช็อค กับภาพติดตาในแมตช์นั้น เป็นผลพวงทำให้ ลิเวอร์พูลนั้นมาแพ้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้พลาดท่าไม่ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคในที่สุด

และในอีกหลายๆที่เราจะไม่ขอพูดถึง แต่ทว่าจุดสำคัญมันอยู่ที่ ในปี พ.ศ. 2020 นี้นั้น หงส์แดง ลิเวอร์พูล สามารถทำสิ่งนี้ได้จริง ทำลายข้อครหาทั้งหมด และก้าวสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค คือสิ่งที่แฟนบอล เดอะค็อบ นั้นโหยหากันมาโดยตลอด

เป็นเวลายาวนากว่า 30 ที่ทีมรักของตนนั้น ไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีคดเลยสักครั้ง ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเอามากมาก สำหรับทีมที่ต้องบอกได้ว่าเป็นระดับ ท็อป หรือว่าอันดับต้นๆของโลกฟุตบอลเลยจริงๆทั้งการ มีนักเตะดังที่เป็นไอดอล ของทั้งโลกฟุตบอล เคยโคจรเข้ามาค้าแข้งอยู่ภายในทีมลิวเอร์พูล

ทั้งที่ลืมไม่ได้เลยคือ ลิวเอร์พูลคือทีมเดียว ในเกาะอังกฤาที่คว้า แชมป์ทัวนาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในทวีปบุโรป อย่างทัวนาเมนต์ ยูฟ่าแชมปืเปี้ยนลีค (UEFA CHAIMPION LEAGUE) มากที่สุด ทำไปได้ 6 สมัยด้วยกัน ซึ่งถือว่าค่อนข้างที่จะยิ่งใหญ่มากเลยทีเดียว ถึงการเป็นเจ้ายุโรปถึง 6 สมัยและแชมป์ครั้งล่าสุด

ลิเวอร์พูลนั้นก็พึ่ง เคยคว้ามาได้ในไม่นานมากี่ ก่อนที่จะได้แชมป์พรีเมียร์หนึ่งปี แต่ทว่า มันกลับยิ่งใหญ่กว่ามากมาก ที่ลิเวอร์พูลนั้นสามารถที่จะคว้าแชมป์ ในลีคบ้านเกิดของตัวเองได้ ก่อนที่จะจบฤดูกาลการแข่งขันเสียอีก แม้ว่าจะหมดลุ้นการเข้าชิง และป้องกันแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคแล้วก็ตาม

วันนี้เราก็จะมาพูดถึงฟอร์มการเล่น ของนักเตะแต่ละคน ใน 11 ตัวจริงชุดแชมป์ของลิเวอร์พูลนั้นว่า แต่ละคนนั้นโดดเด่น และมีฟอร์มการเล่นเป็นอย่างไร จึงสามารถที่จะช่วยกันพาลิเวอร์พูลสู่การ เป็นแชป์พรีเมียร์ได้สำเร็จดังเป้าหมาย ซึ่งคนแรกที่ถือเป็นคีย์หลัก หรือกุญแจสำคัญ หรือเรียกว่ามันสมอง หอคอยสั่งการของทีมเลยก็ว่าได้

อย่าง เจอร์เก็น คล็อป (Jurgen Klopp) dุนซือมากประสบการณ์ ที่อยู่ทำทีมลิเวอร์พูลมาอย่างยาวนาน เป็นเวลากว่า 5 ปีและก็พาทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลขึ้นมาเป็นชแมป์พรีเมียร์ลีคได้สำเร็จ นอกจากพรสวรรค์ ของผู้จัดการทีม ในการจัดแท็กติกเกมบุกของทีม ในแต่ละแมตช์

ที่ต้องบอกว่า ทีมบุกได้เมามันส์ ราวกำวงร็อคที่กำลัง แสดงสดอยู่บนเวที ท่ามกลางคนดูนับแสนเลยก็ว่าจะได้ การบุกแบบตลอดทั้ง 90 นาที ไล่ทุกสูงจนทีมฝั่งตรงข้ามจนหมด ให้เหมือนกับนักเตะทั้งทีม นั้นไม่มีวันหมดแรงที่จะไล่บอล เพื่อที่จะได้กลับมาเป็นฝ่ายบุกอีกครั้ง

อีกเรื่องที่ถือว่าโดดเด่นเอามากมาก สำหรับการทำทีมของคล็อป กับลิเวอร์พูลเลยก็คือ การซื้อนักเตะใหม่เจ้ามาเสริมทีมในแต่ละครั้ง ต้องถือว่าแก้ไข หรือหานักเตะใหม่มาเสริมทัพ ได้ตรงจุดเอามากมาก ทั้งการเริ่มซื้อจากนักเตะ แนวรุกไปทีละคนสองคนในปีแรกๆที่เข้ามาคุมทีม

การเพิ่มความแน่นของกองกลาง ทั้งกองกลางตัวกลาง และกองกลางตัวรับ หรือการเสริมทัพผู้เล่นในแนวรับอย่างกองหลัง เซ็นเตอร์ แบ็ก (Center Back) รวมถึงผู้รักษาประตู (Goal Keeper) ก็มีการเสริมทัพมาเรื่อย จนทำให้ทีมนั้นเกิดความลงตัวมากที่สุด และมีจุดอ่อนน้อยที่สุด

และนี่เหมือนปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์มาจนได้ ส่วนผสมที่ลงตัว ทั้ง 11 คน แฟนบอลในสนามเหย้า แอนฟิล (Anfield) ของพวกเขา นักเตะสำรองที่มีคุณภาพ ไม่น้อยหน้าไปกว่าสิบเอ็ดคนแรก สามารถทดแทนกันได้เมื่อลงสู่สนามแข่ง ทั้งหมดคือองประกอบที่ดีที่สุด สำหรับการเป็นแชมป์พรีเมียร์

ทำไม ลิวเอร์พูลถึงเป็นแชมป์ พรีเมียร์ ลีค 2020 วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของ11ตัวจริง

ผู้รักษาประตู (Goalkeeper) : อลิสซง เบ็คเกอร์ (Alisson Becker)

มือกาวทีมชาติ บารซิล ที่เข้ามาเติมเต็มให้ เกมรับของลิเวอร์พูลนั้นมีความเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น ไปอีกระดับ นายทวารเกรดเอคนนี้ ช่วยให้ลิเวอร์พูลเก็บชัย โดยไม่เสียประตู (Clean Sheet) มาแล้วหลายต่อหลายนัด ซึ่งนั่นทำให้เหล่าขุนผล ตำแหน่งแนวรุก สามารถที่จะทำเกมบุกได้โดยที่ไม่ต้อง พวงเกมรับอีกต่อ

การเข้ามาของ อลิสซง นั้นเหมือนเป็นจิ๊กซอวชิ้นสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูลตามหามาเพื่อ ความสมบูรณ์แบบของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีค และถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเอามากที่ เจอร์เจ็น คล็อป ได้เลือกเข้ามาสู่สิบเอ็ดผู้เล่นตัวจริง แทนผู้รักษาประตูมือหนึ่ง คนก่อนอย่าง คาริอุส ที่ต้องบอกว่ามีความผิดพลาดเยอะพอสมควร

ซึ่งอลิสซงสามารถเติมเต็มให้กับ ลิเวอร์พูดได้ในจุดนี้ ฟอร์มการเล่นตลอดทั้งฤดูกาล ต้องบอกว่าค่อยข้างที่จะสม่ำเสมอ อาจจะมีช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บไปบ้าง แต่กลับมาแล้วถือว่าทำได้ดี และรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้

“ฟอร์มตลอดทั้งฤดูกาลให้ที่ประมาณ 7.5/10 สำหรับอลิสซง”

แบ็คขวา (Right Back) : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (Trent Alexsander-Arnold)

นักเตะที่สดที่สุดของแผง แบ็คโฟร์ เลยก็ว่าได้สำหรับเจ้าหนูเทรนท์ ด้วยวัยเพียง 21 ปีแต่สามารถที่จะยึดตำแหน่ง ผู้เล่นตัวจริง แบ็คขวาของลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ได้แทบจะทั้งฤดูกาล โดยฟอร์มการเล่นก็ต้องถือว่า เล่นได้เกินวัย ทั้งความมั่นใจในแต่ละเพล์

ทั้งลูกเซ็ทพีส (Set Piece หรือ Set Play) เจ้าตัวก็ทำได้อย่างชาญฉลาด และมีเซนต์ฟุตบอลที่ดีเอามากมาก และลูกเซ็ทเพลหนึ่งูก ที่ทำให้เจ้าหนูเทรนท์ เป็นที่รู้จักไปในวงกว้างทั้งวงการฟุตบอล และวงการอื่นๆรวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทำคลิปลูกเซ็ทเพลดังกล่าว ไปทำมีม (MEME) กันอย่างแพร่หลายไปในโลก โซเชียล มีเดีย

ก็คือลูกเตะมุมนัดที่พลิกล็อค เขี่ยทีมเต็งแชมป์อย่าง บาเซโลน่า ตกรอบไปในศึกชิงเจ้ายุโรป ทัวนาเมนต์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีค แมตช์นั้นทำให้ชื่อเสียงของเทรนท์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลคว้าเแชมป์ พรีเมียร์เทรนท์ก็ยังคง รักษาฟอร์มที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการเปิดบอล ที่ถือเป็นทีเด็ดของเจ้าตัว ก็ทำได้ดีตลอดทั้งฤโูกาล โดยเก็บไปถึง 8 แอสซิส (Assist) และสามารถยึดเป็นตัวจริงในหลายๆนัดทั้งฤดูกาล

“สำหรับเทรนท์ คะแนนจะอยู่ที่ 8/10”

เซ็นเตอร์ แบ็ค (Center Back) : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van Dijk)

กองหลังชาวฮอลแลนด์ ที่ต้องบอกว่าการเข้ามาของเข้า นั้นทำสถิติค่าตัว กองหลังที่แพงที่สุดของเกาะ อังกฤษ ณ ขณะนั้นเลยก็ว่าได้ ด้วยการซื้อเข้ามาสู่ทีมลิเวอร์พูลที่ราคา 75 ล้านปอนด์ จากทีมร่วมลีคอย่าง เซาท์แทมตัน ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าตัวนั้นก็มีฟอร์มที่ร้อนแรงอยู่แล้ว

ขณะที่ค้าแข็งอยู่กับต้นสังกัดเก่า แต่เมื่อย้ายเข้าสู่รังของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ฟาน ไดจ์คก็ใช้ระยะเวลาเพียงไม่นาน เพื่อปรับตัวเข้ากับทีม ฟอร์มของเจ้าตัวในถิ่นแอนฟิลนั้น ต้องบอกว่าร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง และก้าวสู่การเป็น คีย์แมน ในแผงแบ็คโฟร์ของลิเวอร์พูลเลยจริงๆ การเข้าปะทะที่แข็งแกร่ง

การตัดเกมที่ชาญฉลาด รูปร่างที่สูงใหญ่ สามารถป้องกันลูกกลางอากาศได้ดี คุณสมบัติที่ครบเครื่องสำหรับ กองหลังตัวกลาง ที่กองหลังดีๆควรมีก็มีอยู่ในตัวของ เวอร์จิล ฟา ไดจ์ค ทั้งหมดแล้ว เข้าทำให้แผงแบ็คโฟร์ของลิเวอร์พูล มีเกมรับที่หนี่ยวแน่นมากยิ่งขึ้น มีระเบียบวินับในเกมรับที่ดีมากขึ้น

การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมในแผงหลังหลัง ต้องถือว่าดีมากเลยทีเดียว เขาคือกองหลังที่หลายๆคน ขนานนามว่าดีที่สุดในอังกฤษ ณ เวลานี้ซึ่งสิ่งนี้ต้องยกเครดิต ให้ทีมแมวมองของทีมลิเวอร์พูลไปเต็มๆที่ได้ ฃายเซ็นของเขาเข้ามาอยู่ภายในทีม ต้องบอกว่าฟอร์มของฟาน ไดจ์คตั้งแต่ปรับตัวเข้ากับทีมได้ นั้นทำได้ดีมากมาโดยตลอด และอาจจะมีดร็อไปบ้างในบางแมตช์ การแข่งขันแต่ก็ไม่ถือว่าต่ำกว่า มาตรฐานของเจ้าตัว

“ซึ่งผลคะแนนจึงออกมาเป็น 9/10 สำหรับเวอจิล ฟาน ไดจ์ค”

เซ็นเตอร์ แบ็ค (Center Back) : โจเอล มาติป (Joel Matip)

นักเตะสัญชาติ เยอรมัน แคมมารูน ย้ายเข้ามาสู่ทีมลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2016 แต่ทว่าเจ้าตัวนั้นใช้ระยะเวลา ค่อนข้างหลายปี กว่าจะพิสูจน์ตัวเอง กับแฟนบอลของหงส์แดง จนสามารถที่จะก้าวขึ้นมายึด ตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงของลิเวอร์พูลได้

ซึ่งเมื่อมาติปได้พิสูจน์ตัวเอง ให้ทุกสายตาในแอนฟิลได้เห็นแล้วว่า เขามีดีพอที่จะยืนในตำแหน่งนี้คู่กันฟานไดจ์ค จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่จะคล็อปจับเขา เข้าสู่แผงแบ็คโฟร์ตัวจริง และก็เป็นอย่างที่คิด เขาทำได้ดีมากเมื่อยืนคู่กับฟารไดจ์ค และนั่นทำให้เขาสามารถยึด ตำแหน่งผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็ค ตัวจริง ได้ในหลายๆนัด

“คะแนนตลอดทั้งฤดูกาลจะอยู่ที่ 7/10″

แบ็คซ้าย (Left Back) : แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (Andrew Robertson)

ดีลที่คุ้มค่าที่สุดของปี 2017 ที่เจอร์เก็น คล็อป ได้เซ็นสัญญาโรเบิร์ตสัน เข้ามาสู่ทีมลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ จากฮัลล์ ซิตี้ (Hull City) โดยที่บอกว่าคุ้มค่าก็คือ เจ้าตัวนั้นมีการพัฒนาฝีเท่า ขึ้นมาเป็นอย่างมาก นับจากวันแรกที่ย้ายเข้ามาสู่รังแอนฟิล

จนกลายเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ แผงแบ็คโฟร์มีความแข็งแกร่ง และเหนียวแน่นเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดนเจ้าตัวนั้นไม่ได้มีดีเพียงแค่ เกมรับเพียงอย่างเดียว ในเรื่องของเกมรุกเจ้าตัวก็ทำได้อย่าง ดีตลอดมาและรักษามาตรฐานของตัวเอง อย่างไม่มีตกต่ำเลยตลอดทั้งฤดูกาล

“คะแนนโดยรวมของโรเบิร์ตจะอยู่ที่ 8/10”

 

กองกลาง (Midfield) : จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม (Georginio Wijnaldum)

มิดฟิลด์ ชาวดัตช์ วัย 29 ปี ย้ายสู่ลิเวอร์พูลในปี 2016 จากถิ่น สาลิกาดง นิวคาสเซิล เวลาผ่านไปไม่นาน เจ้าตัวก็กลายเป็นตัวหลัก ในแผงกองกลางและ แผนการเล่นของคล็อปไปโดยปริยาย ซึ่งจุดเด่นของไวจ์นัลดุมนั้น คงจะไม่ได้อยู่ที่การ ถล่มประตูอย่างแน่นอน

เพราะเข้านั้นคือตัวเชื่อมเกม ที่ทำให้ระบบการเล่นและ แผนการเล่นต่างๆทำได้อย่างไลลื่น การเชื่อมเกมของเขาจากหลังไปสู่หน้า จากรุกเป็บรับ รับเป็นรุกนั้นทำได้ดีในทุกแมตช์ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม คล็อปถึงเลือกไวจ์นัลดุมมาเป็น 11ตัวจริงในแผนการเล่นของเขาเสมอ

“คะแนนฟอร์มการเล่นของเขาอยู่ในระดับ 7/10”

กองกลาง (Midfield) : จอร์แดน เฮ็นเดอร์สัน (Jordan Henderson)

จากซันเดอร์แลน (Sunderland) สู่ลิเวอร์พูลในปี 2011 ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์เฮ็นโด้ ถูกวางตัวไว้เป็น กัปตันของทีมแทนที่ การจากไปของสตีเฟน เจอร์ราด เขาเลือกหมายเลข 14 บนเสื้อของเขา ฟอร์มการเล่นของเขาถือนั้น ถือว่าคงเส้นคงวา แต่จุดเด่นของเขาเลยก็คือ ภาวะการเป็นผู้นำของเขา

การสั่งการภายในทีม การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม ที่ทำได้ดีเป็นอย่างมาก รวมทั้งการกระตุ้นแฟนบอลข้างสนาม ให้มีส่วนร่วมกับเกมบุกของทีม ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญเหมือนทีมมี ผู้เล่นคนที่ 12 เลยก็ว่าได้ จุดนี้ทำให้เขาเป็นผู้เล่น ในทีมชุดใหญ่ทีลงเตะให้กับ หงส์แดงลิเวอร์พูลมากที่สุด โดยลงเตะไปแล้ว 349 นัด ทำไป 26 ประตู ฟอร์มการเล่นทั้งฤดูกาล

“และคะแนนจะอยู่ที่ประมาณ 9/10”

 

กองกลาง (Midfield) : ฟาบินโญ่ (Fabinho)

กองกลางชาวบราซิล นั้นย้ายเข้าสู่รังหงส์แดงในปี 2018 จากทีมโมนาโกในลีค เอิง ฝรั่งเศษ ต้องบอกเลยว่าเขานั้นได้รับโอกาสไม่มากนัก ในช่วงแรกที่ได้ย้ายเข้ามาสู่สโมสรลิเวอร์พูล

เพราะยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีพอ แต่เมื่อเขาสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับทีม ได้แล้วสิ่งที่ตามาก็คือ เขาสามารถยึดตำแหน่งกองกลางตัวหลัก ของทีมได้ในระยะยาว และรักษาฟอร์มการเล่นที่เหนียวแน่นทั้ง รุกและรับได้ตลอดทั้งฤดูกาล

“และคะแนนโดยรวมของเขาจะอยู่ที่ 8/10”

ปีกขวา (Right Winger) : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah)

ความล้มเหลวของเขากับ เชลชี (Chelsea) จึงทำให้ไม่มีใครคิดว่า เขาจะกลับมาแจ้งเกิด และถล่มประตู เป็นกอบเป็นกำได้แบบนี้ ในพรีเมียร์ลีคอีก แต่ทว่าเขาทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เขากลายเป็นตัวหลักใน สามประสานแนวรุก ของทีมลิเวอร์พูลโดยการถล่มประตูคู่แข่ง ในแทบจะทุกแมตช์ เขามีทั้งความเร็ว และเทคนิคในการเลี้ยงบอล

รวมถึงการยิงประตู เรียกได้ว่าครบเครื่องในตำแหน่งของเขา จึงทำให้เขากลายเป็นขวัญใจ ของชาวเดอะค็อบได้ในระยะเวลาเพียงไม่ได้ และยังคงรักษาฟอร์มการเล่นของเขา แม้ว่าจะมีดร็อปไปบ้างช่วงหนึ่ง ที่ทำประตูไม่ได้ แต่ก็กลับมาเล่นในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง และพาลิเวอร์พูลสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคได้ในที่สุด

“คะแนนของเขาจะอยู่ที่ 8/10”

ปีกซ้าย (Left Winger) : ซาดิโอ มาเน่ Sadio Mane

ปีกซ้ายดาวยิงชาวเซเนกัล นั้นถูกลิเวอร์พูลดึงตัวมาจาก เซาท์แทมตันหลังจากโชว์ผลงาน ที่สุดยอดในฤดูกาลก่อนหน้า โดยเขาเข้ามาสู่รังแอนฟิลในปี 2016ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์และแน่นอนว่า เขายังคงรักษาฟอร์มการเล่น ในแบบเดียวกับที่อยู่เซาท์แทมตันได้ เมื่อมาอยู่กับลิเวอร์พูล

แต่ทว่ามันดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเข้าได้ผสานงาน และเล่นร่วมกับสองนักเตะ ที่รู้ใจอย่าง ซาลาห์ และ ฟีร์มิโน่ นั่นทำให้เขาสามารถผลิตสกอร์ได้ต่อเนื่อง และมากยิ่งขึ้นกว่าตอนอยู่กับเซาท์แทมตันเสียอีก เรียกได้ว่าครบสูตรทั้งยิงทั้งจ่าย และเขาถือเป็นกำลังสำคัญที่ลิเวอร์พูล จะขาดไม่ได้เลยสำคัญผู้เล่นในเกมมรุก และเขาก็คือส่วนผสมสำคัญของแชมป์พรีเมียร์ลีคของหงส์แดงอย่างแน่นอน

“คะแนนของมาเน่จะอยู่ที่ประมาณ 8/10”

กองหน้า (Center Forward) : โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ (Roberto Firmino)

ความสามารถและเทคนิค และเซ็นต์บอลของเขา ทำให้ปีทั้งสองฝั่งของลิเวอร์พูล สามารถถล่มประตู่คู่แข่งได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เขาคือตัวเชื่อมเกมแผงเกมรุกที่สำคัญ เขาเป็นกองหน้าก็จริง และมักจะยืนต่ำ และคอยมาล้วงบอลในแดนกลางเสมอ

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้กองกลาง สามารถเล่นเกมรุกได้ง่ายขึ้น เมื่อมีตัวเชื่อมเกมที่มีทักษะการครองบอล และส่งบอลที่ดีเยี่ยมอย่างฟีร์มิโน่ คอยผสานงานกับพวกเขาอย่าง ทักษะที่แพรวพราวของเขาได้แสดงออกมา ให้เราได้เห็นในหลายๆเกม

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้ทำประตู แต่เขามักมีส่วนร่วมกับประตูนั้นๆเสมอ รวมทั้งท่าตีใจ และหน้าตาและทรงผม ที่ดูกวนเอาเรื่อง ยิ่งทำให้เขานั้นดูมีคาเร็กเตอร์และน่าจับตามองที่สุด เมื่ออยู่ในสนามฟุตบอล โดยฟอร์มการแล่นของเขา ก็ทำได้ดีมาโดยตลอด ตามาตรฐานของเขา

“โดยมีคะแนนอยู่ที่ 8/10 ตลอดทั้งฤดูกาล”